วันจันทร์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2562

การออกแบบการเรียนการสอนที่เป็นสากล



การออกแบบการเรียนการสอนที่เป็นสากล
(niversal design for instruction)
u : การออกแบบการเรียนรู้การสอนที่เป็น(universal designforinstruuctionUDI)เป็นการ
ออกแบบการสอนที่ผู้สอนมีบทบาทเป็นผู้ดำเนินการเชิงรุก(proactiveการกระทำโดยไม่ต้องมีสิ่งใดมากระตุ้น) เกี่ยวกับการผลิตและจัดหาจัดทำหรือชี้แนะผลิตภัณฑ์การศึกษา(educational products  computers, websites, soflware, textbooks, and lad equipment)และสิ่งแวดล้อมการเรียนรู้ (dormitories, classrooms, student union buildings, libraries, and distance learning courses) ที่จะระบุถึงในทุกขั้นตอนของการเรียนการสอน
            การออกแบบการเรียนการสอนนำความรู้จากหลายสาขาวิชามาประยุกต์เข้าด้วยกันเป็น
ขั้นตอนกระบวนการเชิงระบบเพื่อพัฒนาการเรียนการสอนโดยพื้นฐานและวิธีการเชิงระบบกำ
หนดให้ต้องระบุว่าจะเรียนอะไรวางแผนการสอนว่าจะยอมให้การเรียนรู้อะไรเกิดขึ้นวัดผลการ
เรียนรู้เพื่อตัดสินว่าการเรียนรู้นั้นระบุตามจุดประสงค์หรือไม่และกลั่นกรองตัวสอดแทรก (intervention) จนกระทั่งบรรลุจุดประสงค์จาลักษณะนี้เองจึงทำให้เกิดแบบจำลองการออก
แบบการเรียนการสอนทั่วไป (generic instruction design model : id model) ขึ้น (gibbons 1981 : 5, hannum and hansea, 1989)
            เกี่ยวกับระบบการเรียนการสอนนี้ แฮนนัมและบริกส์ (hunnum and briggs)
ได้เปรียบเทียบการเรียนการสอนแบบดั้งเดิมและการเรียนการสอนเชิงระบบดังรายละเอียดตารางที่ 11
           ในการออกแบบการเรียนการสอนกระบวนการมีความสำคัญพอๆกับผลิตผลเพราะว่า
ความเชื่อมั่นในผลิตผลจะขึ้นอยู่กับกระบวนการในการที่จะมีความเชื่อมั่นในผลิตผลต้องดำเนินตามขั้นตอนของแบบจำลองการออกแบบการเรียนการสอนสำหรับในแต่ละขั้นตอนนั้นลำดับขั้นตอน ของแบบจำลองการออกแบบการเรียนการสอนสำหรับในแต่ละขั้นนั้นลำดับขั้นตอนของภาระงาน จะต้องแสดงออกมาและผลที่ได้รับที่มีความเฉพาะเป็นพิเศษก็จะเกิดขึ้นดังรายละเอียดในตารางที่ 11
            บทบาทของผู้ออกแบบการเรียนการสอน (designer’srole)สามารถเปลี่ยนแปลงได้ขึ้น
อยู่กับสิ่งที่นำเสนอว่าต้องอาศัยเทคนิคหรือไม่ต้องอาศัยเทคนิคและขึ้นอยู่กับส่วนประกอบ
ของทีมการออกแบบเนื้อหาที่ต้องใช้เทคนิคสูงผู้ออกแบบจำเป็นต้องให้คำแนะนำในการออกแบบกับผู้ชำนาญการด้านเนื้อหา(contentexpert)ถ้าเนื้อหานั้นไม่ต้องใช้เทคนิคที่สูงมากจนเกินไปผู้ออกแบบก็สามารถจัดทำได้อย่างอิสระมากขึ้นด้วยความช่วยเหลือของผู้เชี่ยวชาญด้านเนื้อหาผู้ออกแบบสามารถที่จะทำงานเป็นผู้ให้คำปรึกษาจากภายนอกและรับผิดชอบภาระงานทั้งหมดเหมือนกับเป็นคนในสำนักงาน (in-house employers)ซึ่งได้รับความช่วยเหลือจากผู้     ชำนาญด้านเนื้อหาบทบาทของผู้ออกแบบสามารถมีได้หลากหลายขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ที่มีต่อผู้เชี่ยวชาญการเนื้อหาวิชา (seels and glasgow, 1990 : 7-9) คือ
1.      ผู้ชำนาญการด้านเนื้อหาและมีสมรรถภาพในการออกแบบการเรียนการสอนและเทคโนโลยีและเป็นผู้ที่มีบทบาทของการออกแบบด้วยไม่จําเป็นต้องอาศัยความช่วยเหลือด้านความรู้ความชำนาญทางเนื้อหาวิชา
2.      ผู้ออกแบบการเรียนการสอนที่ได้รับการร้องขอให้ทำงานในด้านเนื้อหาที่อาจจะมีความคุ้นเคยแต่ผู้ออกแบบยังคงรู้สึกมีความจำเป็นที่จะทำงานกับผู้ชำนาญการด้านเนื้อหา
3.      ผู้ออกแบบอาจจะได้รับการร้องขอให้พัฒนาหรือวิจัยในด้านเนื้อหาที่ไม่มีความคุ้นเคยและดังนั้นจึงจำเป็นต้องเลือกและทำงานกับผู้เชี่ยวชาญด้านเนื้อหาจำนวนมาก

ตารางที่ 11 เปรียบเทียบการเรียนการสอนแบบดั้งเดิมกับการเรียนการสอนเชิงระบบ
องค์ประกอบของการเรียนการสอน
การเรียนการสอนแบบดั้งเดิม
การเรียนการสอนเชิงระบบ
1.กำหนดเป้าประสงค์ (Setting goals)
*ตำราหลักสูตรดั้งเดิมการอ้างอิงภายใน
*การประเมินความต้องการจำเป็น
*การวิเคราะห์งาน
*การอ้างอิงภายนอก
2.จุดประสงค์ (Objectives)
*กล่าวในรูปของผลที่ได้รับรวมๆ หรือการปฏิบัติของครู
*เหมือนกันสำหรับนักเรียนทุกคน
*จากการประเมินความต้องการจำเป็นการวิเคราะห์/การระเมิน
*เลือกด้วยการพิจารณาจาก
*ความสามารถของผู้เรียนเมื่อแรกเข้าเรียน
3.จุดประสงค์ในความรู้เฉพาะของผู้เรียน (Student’s Knowledge of objectives)
*ไม่ได้รับการบอกกล่าวล่วงหน้าต้องใช้สัญญาณจากการฟังคำบรรยายและการอ่านตำรา
*บอกกล่าวอย่างเฉพาะเจาะจงเป็นพิเศษล่วงหน้าก่อนเรียน
4.ความสมารถก่อนเข้าเรียน (Entering capability)
*ไม่ต้องใส่ใจ นักเรียนทุกคนมีจุดประสงค์และวัสดุอุปกรณ์/กิจกรรมเหมือนกันหมด
*การพิจารณา
*การำหนดวัสดุอุปกรณ์/กิจกรรมแตกต่างกัน
5.ผลสัมฤทธิ์ที่คาดหวัง (Expected achievement)
*ใช้โค้งมาตรฐาน
*มีความเป็นแบบอย่างเดียวกันสูง
6.ความรอบรู้ (Mastery)
*นักเรียนส่วนน้อยรับรู้จุดประสงค์ทั้งหมด
*รูปแบบผิดพลาด
*นักเรียนส่วนใหญ่รอบรู้จุดประสงค์ทั้งหมด
7. ค่าระดับและการเลื่อนระดับ (Grading and promotion)
*อยู่บนพื้นฐานการเปรียบเทียบกับนักเรียนคนอื่น ๆ
*อยู่บนพื้นฐานการรอบรู้จุดประสงค์
8.การสอนเสริม (Remediation)
*บ่อยครั้งที่ไม่มีการวางแผน
*ไม่มีการเปลี่ยนแปลง จุดประสงค์หรือวิธีการเรียนการสอน
*วางแผนสำหรับนักเรียนที่ต้องการความช่วยเหลือแสวงหาจุดประสงค์อื่น ๆ เลือกวิธีการเรียนการสอน
9.การใช้แบบทดสอบ
*กำหนดค่าระดับ
*เฝ้าระวังติดตามความก้าวหน้าของผู้เรียน
*ตัดสินความรอบรู้
*วินิจฉัยความยากลำบาก
*ปรับปรุงการเรียนการสอน
10.เวลาศึกษากับความรอบรู้(Stidy time vs mastery )
*เวลาคงที่ :ระดับความรอบรู้หลากหลาย แตกต่างกัน
*ความรอบรู้คงที่ : เวลาหลากหลายแตกต่างกัน
11.การตีความของความล้มเหลวที่จะไปให้ถึงความรู้(Interpretation of failure to reach mastery)
*นักเรียนผู้ส่งสาร
*มีความต้องการจำเป็นที่จะต้องปรับปรุงการเรียนการสอน
12.การพัฒนารายวิชา (Course of development)
*เลือกวัสดุอุปกรณ์ก่อน
*ระบุจุดประสงค์ก่อนแล้วจึงจะเลือกวัสดุอุปกรณ์
13.ลำดับขั้นตอน (Sequence)
*อยู่บนพื้นฐานของเหตุผลและสังเขปหัวเรื่อง
*อยู่บนพื้นฐานของสิ่งที่ต้องรู้ก่อนตามความจำเป็น และหลักการของการเรียนรู้
14.การปรับปรุงการเรียนการสอนและวัสดุอุปกรณ์(Revision of instructional and materials)
*อยู่บนพื้นฐานของการคาดเดางาน หรือความพอเพียง
*วัสดุอุปกรณ์ใหม่
*เกิดขึ้นเป็นพักๆ
*อยู่บนพื้นฐานของการประเมินข้อมูล
*เกิดขึ้นเป็นประจำ
15.กลยุทธ์การเรียนการสอน (Instructional Strategies)
*พอใจให้ผ่านได้อย่างกว้างๆ
*อยู่บนพื้นฐานของความชอบและความคล้ายคลึง
*เลือกที่จะให้ได้รับตามประสงค์
*ใช้ยุทธวิธีที่หลากหลาย
*อยู่บนพื้นฐานของทฤษฎีและการวิจัย
16.การประเมินผล (Evaluation)
*บ่อยครั้งที่ไม่เกิดขึ้น : การวางแผนเชิงระบบมีน้อย
*ประเมินแบบอิงกลุ่ม ข้อมูลได้จากปัจจัยนำเข้าและกระบวนการ
*การวางแผนเป็นระบบ : เกิดขึ้นประจำ
*ประเมินความรอบรู้ตามจุดประสงค์
*ประเมินผลอิงเกณฑ์ข้อมูลได้จากผลที่ได้รับ(ผลผลิต)
 ที่มา : W.H. Hannum and leslir j. Briggs, “How does Instructional Systema Design Differ from Traditional Instruction,” Educational technology 22 ; 12-13 . 1982

ตารางที่ 12  งานและผลผลิตของกระบวนการออกแบบการเรียนการสอน
ขั้นตอนและภาระงาน
ตัวอย่างภาระงาน
ตัวอย่างผลผลิต
การวิเคราะห์-กระบวนการของการนิยามว่าต้องเรียนอะไร
*การประเมินความต้องการจำเป็น
*ระบุปัญหา
*วิเคราะห์ภาระงาน
*แฟ้มผู้เรียน
*การพรรณนาข้อจำกัด
*คำกล่าวของความต้องการจำเป็นและปัญหา
*การวิเคราะห์ภาระงาน
การออกแบบ-กระบวนการของการชี้เฉพาะว่าจะเรียนอย่างไร
*เขียนตามจุดประสงค์
*พัฒนารายการของแบบทดสแบ
*วางแผนการเรียนการสอน
*ระบุแหล่งทรัพยากร
*จุดประสงค์ที่วัดได้กลยุทธ์การเรียนการสอน
*ลักษณะเฉพาะของตัวแบบ
การพัฒนา-กระบวนการของหน้าที่และผลิตวัสดุอุปกรณ์
*ทำงานกับผู้ผลิต
*พัฒนาคู่มือแผนภูมิ โปรแกรม
*สตอรี่บอร์ด
*สคริป
*แบบฝึกหัด
*คอมพิวเตอร์ช่วยการเรียนการสอน
การนำไปใช้-กระบวนการของการก่อตั้งโครงการในบริษัทแห่งโลกความจริง
*การฝึกอบรมครู
*การทดลอง
*การให้ความเห็นของนักเรียนข้อมูล
การประเมินผล-กระบวนการของการตกลงใจเกี่ยวกับความเห็นผลของการเรียนการสอน
*บันทึกข้อมูลเกี่ยวกับเวลา
*ผลการแปลความแบบทดสอบ
*สำรวจผู้สำเร็จการศึกษา
*ทบทวนกิจกรรม
*คำรับรอง
*รายงานโครงงาน
*ทบทวนตัวแบบ

ที่มา : Barbara Seels, and Zita Glasgow, Exercises in instruction Design (Columbus, Ohio : Merrill publishing Company, 1999), p. 8.

นับว่าเป็นเรื่องสำคัญด้วยเหมือนกันที่จะให้ความแตกต่างระหว่างบทบาทของผู้วิจัยและผู้ปฏิบัติเพราะว่าข้อกำหนดในความสำเร็จของทั้งสองส่วนนี้มีความแตกต่างกันผู้ที่เป็นนักวิจัยสนใจในแต่ละขั้นตอนของรูปแบบทั่วไปดังนั้นความสนใจและเป้าหมายประสงค์ของผู้ปฏิบัติ(id practitioner)จึงแตกต่างออกไปความสนใจและเป้าประสงค์ที่แตกต่างกันการแสดงไว้ใน ตารางที่ 13
ผู้ออกแบบที่เป็นนักปฏิบัติสามารถแสดงออกในแต่ละขั้นตอนจากการวิเคราะห์ไปจนถึงการทดลองขึ้นอยู่กับว่าจะพรรณนางานว่าอย่างไรถ้างานของผู้ออกแบบระบุไว้อย่างแคบๆและผู้ออกแบบแสดงเพียง 2-3ขั้นตอนเท่านั้นโดยละทิ้งขั้นตอนที่เป็นผลิตผลการนำไปใช้และการ
ประเมินผล
            นักวิจัยการออกแบบการเรียนการสอน(id reoember) หรือผู้เชี่ยวชาญ (specialist)สนใจ
ศึกษาตัวแปรและพัฒนาทฤษฎีที่สัมพันธ์กับการเรียนการสอนนักปฏิบัติการออกแบบการเรียนการสอน (ID practitioner orgeneration)สนใจการประยุกต์งานวิจัยและทฤษฎีการพัฒนาการเรียน
การสอนและวัสดุอุปกรณ์บทบาทอื่นๆของผู้วิจัยการออกแบบการเรียนการสอนดังแสดงไว้ใน
ตารางที่ 3 ส่วนบทบาทของผู้ปฏิบัติการออกแบบการเรียนการสอนดังแสดงในตารางที่ 13
            สาขาวิชาการออกแบบการเรียนการสอนมีอายุประมาณ 30ปีเป็นบทบาทของนักวิจัยที่
จะส่งเสริมความงอกงามในทฤษฎีของการออกแบบการเรียนการสอนและเนื่องจากว่าการออก
แบบการเรียนการสอนเป็นสาขาวิชาประยุกต์บทบาทของนักวิจัยจึงอาจจะดูเหมือนว่าแยกตัว
ออกไปตามลำพังและมีความสำคัญน้อยสิ่งดังกล่าวนี้ไม่เป็นความจริงเพราะถ้าปราศจากกระ
บวนการทางทฤษฎีแล้วสาขาวิชาก็จะเฉื่อยชาอยู่กับที่ความมุ่งหมายของนักออกแบบการเรียน
การสอนคือความจำเป็นที่จะต้องรู้ว่าตนสามารถที่จะก้าวไกลได้ในหนทางแห่งอาชีพของตนเองถ้ารับรู้วิธีการวิจัยที่เหมาะสมในแต่ละขั้นตอน(Seels and Glasgow, 1999 : 10 )
งานของผู้ปฏิบัติการออกแบบการเรียนการสอนอาจจะหลากหลายในความต้องการด้านความรู้ความชำนาญผลิตผลที่ได้และสถานการณ์หางานผู้ปฏิบัติการออกแบบการเรียนการสอนอาจจะวิเคราะห์ภาระงานภายใต้การนิเทศของผู้จัดการโครงการในองค์กรที่เกี่ยวข้องกับการวิจัยและพัฒนา
การผู้จัดการโครงการอาจจะนำทีมซึ่งพัฒนาการประชุมเชิงปฏิบัติการ 3วันสำหรับ
การอุตสาหกรรม (thee-day workshop)การออกแบบไม่จำเป็นต้องเป็นทีมเสมอปลายในองค์กร
เล็กๆอาจจะใช้ผู้ออกแบบเพียงคนเดียวในการทำภาระการออกแบบการเรียนการสอน

ตารางที่ 13 เปรียบเทียบความสนใจและเป้าประสงค์ของผู้วิจัยและผู้ปฏิบัติ
แบบจำลองการออกแบบการเรียนการสอนทั่วไป
บทบาทของผู้เรียน
บทบาทผู้ปฏิบัติ
ขั้นที่ 1 การวิเคราะห์




ขั้นที่ 2 การออกแบบ



ขั้นที่ 3 การพัฒนา




ขั้นที่ 4 การนำไปใช้


ขั้นที่ 5 ประเมินผล
-ศึกษาวิธีการระบุปัญหา
-ศึกษาผลของคุณลักษณะของผู้เรียน
-ศึกษาเนื้อหา

-ศึกษาตัวแปรในการออกแบบข่าวสาร
-พัฒนากลวิธีการเรียนการสอน
-ศึกษากระบวนการของทีม




-ศึกษาชาติวงศ์วรรณาของตัวแปรในสิ่งแวดล้อม
-การระบุตัวแปรของการนำไปใช้ให้ได้ผล
-ศึกษาข้อถกเถียงที่นำไปสู่การประเมินผล
*ประยุกต์ใช้วิธีการระบุปัญหา
*กำหนดคุณลักษณะของผู้เรียน
*ใช้การวิจัยในเนื้อหาตามสาขาวิชา
*ให้ผู้ปฏิบัติเป็นผู้ออกแบบการเรียนการสอน


*ทำงานกับผู้ผลิตในการพัฒนาสคริป
*ออกแบบและจัดการสิ่งแวดล้อมและตัวแปรในการเรียนการสอน



*ประยุกต์ทฤษฏีการประเมินผล







ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น